COM7 มือถือขายดี กำไรทะลุ 3,037 ล้าน โต 15.5% แจกปันผล 0.75 บาท
HMPRO ไตรมาส 2 โชว์กำไร 1,619 ล้านบาท โต 6.57% เผยเปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง
บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ COM7 รายงานผลดำเนินงานประจำไตรมาส 2 ปี 66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 704.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 15,989.8 เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยเป็นไปตามแนวโน้มของเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศเริ่มปรับตัวสูงขึ้น และการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง
ทั้งนี้รายได้ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของสาขาเดิม ซึ่งในส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นรายได้หลักยังคงเติบโตได้ดี คือ สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์
- รายได้จากธุรกิจค้าปลีก เท่ากับ 15,571.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- รายได้ช่องทางอื่น ๆ เท่ากับ 418.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม เท่ากับ 7.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายอยู่ที่ 1,129.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 248.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการปรับปรุงร้านจำนวน 40 สาขา ซึ่งกว่าครึ่งเป็นร้าน Studio7 ที่มีขนาดใหญ่และอยู่ในทำเลที่สำคัญ เพื่อให้เป็นไปตามาตรฐานของ Apple worldwide โดยใช้เวลาปิดสาขาเฉลี่ย 60 วัน จากนั้นจะทยอยกลับมาเปิดให้บริการตามปกติทุกสาขาในไตรมาส 3 ขณะเดียวกันยังมีศูนย์การค้าที่ปิดปรับปรุง 2 แห่ง
ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลให้บริษัทขาดรายได้ราว 1,100 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 66 และมีค่าใช้จ่ายร้านชั่วคราวเพิ่มขึ้น รวมถึงร้านที่ปิดปรับปรุงยังต้องจ่ายค่าเช่า และค่าจ้างพนักงงานตามเดิม โดยผลกระทบดังกล่าวจะกลับเป็นปกติหลังจากที่ร้านปิดปรับปรุงทยอยเปิดให้บริการคามแผนในไตรมาส 3 เป็นต้นไป
ณ สิ้นเดือน มิ.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. 66 บริษัทมีสินทรัพย์ 20,147.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากสิ้นปี 65 โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 884.8 ล้านบาท ลดลง 36.7% จากสิ้นปี 65 ขณะที่หนี้สินรวม 13,104.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากสิ้นปี 65
ล่าสุดหุ้น COM7 ก่อนเปิดตลาดเช้าวันที่ 9 ส.ค. 66 ราคาอยู่ที่ 27.25 บาทต่อหุ้น ปรับเพิ่มขึ้นราว 7.9% จากเมื่อเดือน มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2566
ทั้งนี้รายได้ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของสาขาเดิม ซึ่งในส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นรายได้หลักยังคงเติบโตได้ดี คือ สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์
- รายได้จากธุรกิจค้าปลีก เท่ากับ 15,571.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- รายได้ช่องทางอื่น ๆ เท่ากับ 418.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม เท่ากับ 7.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายอยู่ที่ 1,129.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และค่าใช้จ่ายในการบริหารอยู่ที่ 248.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับปรุงร้านจำนวน 40 สาขา ซึ่งกว่าครึ่งเป็นร้าน Studio7 ที่มีขนาดใหญ่และอยู่ในทำเลที่สำคัญ เพื่อให้เป็นไปตามาตรฐานของ Apple worldwide โดยใช้เวลาปิดสาขาเฉลี่ย 60 วัน จากนั้นจะทยอยกลับมาเปิดให้บริการตามปกติทุกสาขาในไตรมาส 3 ขณะเดียวกันยังมีศูนย์การค้าที่ปิดปรับปรุง 2 แห่ง
ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลให้บริษัทขาดรายได้ราว 1,100 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 66 และมีค่าใช้จ่ายร้านชั่วคราวเพิ่มขึ้น รวมถึงร้านที่ปิดปรับปรุงยังต้องจ่ายค่าเช่า และค่าจ้างพนักงงานตามเดิม โดยผลกระทบดังกล่าวจะกลับเป็นปกติหลังจากที่ร้านปิดปรับปรุงทยอยเปิดให้บริการคามแผนในไตรมาส 3 เป็นต้นไป
ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 66 บริษัทมีสินทรัพย์ 20,147.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากสิ้นปี 65 โดยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 884.8 ล้านบาท ลดลง 36.7% จากสิ้นปี 65 ขณะที่หนี้สินรวม 13,104.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากสิ้นปี 65