เมื่อช่วงเช้ามืดของวันศุกร์ที่ผ่านมา (11ส.ค.) ฝนตกลงมาอย่างหนักจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นขนุนที่เมืองชองจิน บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของเกาหลีเหนือ
KRT สื่อของทางการเกาหลีเหนือระบุว่า ขณะนี้พายุไต้ฝุ่นขนุนกำลังพัดถล่มคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่พัดถล่มญี่ปุ่นเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ รวมถึงกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของประเทศ ส่งผลให้รัฐบาลเกาลีเหนือต้องเฝ้าระวังความเสียหายที่อาจจะเกิดจากน้ำท่วมหนักอย่างใกล้ชิด
"เกาหลีเหนือ" อวดขีปนาวุธ ยิงได้ไกลข้ามทวีปมากสุด
ผู้นำเกาหลีเหนือปลดเสนาธิการทหารสูงสุด หลังดำรงตำแหน่งเพียง 7 เดือน
ขณะนี้ทางการเกาหลีเหนือสั่งให้ทุกภาคส่วนและหน่วยงานต่างๆ ทำงานอย่างเต็มที่เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากไต้ฝุ่นขนุน ทั้งยังสั่งให้ทหารเกาหลีเหนือและเจ้าหน้าที่รัฐบาลเตรียมมาตรการบรรเทาภัยพิบัติ อุทกภัย ใช้ระบบตอบสนองภัยพิบัติฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และจัดทำแผนอพยพประชาชน รวมถึงมาตรการปกป้องพืชผลทางการเกษตรที่อาจได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม พร้อมระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศอาจได้รับผลกระทบหนักหากขาดการเตรียมพร้อม
นอกจากนี้ สำนักข่าว The Guardian รายงานว่า สำนักข่าวโรดง ซินมุนของรัฐบาลได้ เผยข้อความที่ระบุให้ประชาชนเกาหลีเหนือพุ่งความสนใจสูงสุดไปที่ความปลอดภัย ของภาพผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือทุกคน อย่าง คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน คิม จองอิล บิดาของคิม จองอึน และคิม อิลซอง ปู่ของผู้นำคนปัจจุบันและผู้ก่ออตั้งเกาหลีเหนือ
รวมถึงเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันปกป้องรูปปั้น โมเสก จิตรกรรมฝาผนัง และอนุสรณ์ สถานของผู้นำสูงสุดทุกคนอีกด้วย
ด้านสำนักข่าว NK ที่วิเคราะห์และรายงานข่าวเกี่ยวกับเกาหลีเหนือระบุว่า ภาพของผู้นำ เหล่านี้เป็นภาพที่บ้านทุกหลังและสำนักงานทุกแห่งต้องประดับไว้ และหากสร้างความ เสียหายต่อรูปภาพเหล่านั้น ผู้คนอาจเผชิญโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต แม้จะเกิดขึ้น โดยไม่ตั้งใจก็ตาม
ทั้งนี้ อุทกภัยรวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ อาจส่งผลกระทบต่อเกาหลีเหนืออย่างรุนแรง จากรายงานของสำนักข่าวหลายแห่งชี้ให้เห็นว่าขณะนี้เกาหลีเหนือขาดแคลนโครงสร้าง พื้นฐาน รวมถึงกำลังเผชิญกับวิกฤตด้านอาหารและเศรษฐกิจอย่างหนัก
ส่วนหนึ่งมาจากภัยธรรมชาติอย่างภัยแล้งและอุทกภัยหนักที่ทำลายพืชผลทางการ เกษตร และอีกสาเหตุมาจากการปิดพรมแดนที่ยาวนานนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19
ขณะที่หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นเพราะมาตราการการคว่ำบาตรของนานาชาติเนื่องจาก โครงการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ทำให้การส่งความช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรมเป็นไปอย่างยากลำบาก
บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างกังวลว่าหากสถานการณ์การขาดแคลนอาหารและเศรษฐกิจของ เกาหลีเหนือเลวร้ายลง อาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่เหมือนกับทุพภิกขภัยเมื่อช่วงปี 1994-1998 ซึ่งเป็นช่วงที่สหภาพโซเวียตล่มสลายจนทำให้เกาหลีเหนือขาดความช่วยเหลือในตอนนั้น มีประชาชนราว 6 แสนถึง 1 ล้านคนต้องเสียชีวิตจากโรคขาดสารอาหาร
แม้ว่าทางเกาหลีเหนือจะไม่เคยออกมากล่าวถึงปัญหาดังกล่าวโดยตรง แต่เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พรรคแรงงานเกาหลีเหนือได้จัดการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหา การขาดแคลนอาหารและผลผลิตเกษตรโดยเฉพาะ
ขณะที่วิกฤติการขาดแคลนอาหารของเกาหลีเหนือกำลังจะถูกซ้ำเติมจากน้ำท่วมหนัก แต่เกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันตนเอง จากภัยคุกคามของสหรัฐ และเกาหลีใต้ ความเคลื่อนไหวล่าสุด ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือได้สั่งให้กองทัพพร้อมสำหรับสงครามที่ อาจเกิดขึ้น
KCNA สื่อทางการเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ในการประชุมกับผู้ บัญชาการกองทัพจากคณะกรรมาธิการกลางด้านทหารของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ “คิม จองอึน” ได้สั่งปลดพลเอกพัค ซูอิล ออกจากตำแหน่งหัวหน้าคณะเสนาธิการทหาร และได้แต่งตั้งให้นายพล รี ยองกิล ขึ้นรับตำแหน่งแทน
ขณะเดียวกัน ผู้บังคับบัญชาระดับสูงคนอื่นๆ ก็ถูกปลด โยกย้าย และแต่งตั้งใหม่เช่นกัน แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ
อย่างไรก็ตาม วาระสำคัญที่สุดของการประชุมในครั้งนี้คือ การทำให้กองทัพเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับภาวะสงคราม เมื่อพิจารณาสถานการณ์ทางทหารและการเมือง ที่ทวีความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี
รายงานของ KCNA เปิดเผยว่า เกาหลีเหนือกำลังวางแผนตอบโต้กลับทางการทหาร เพื่อปราบปรามศัตรูของประเทศศัตรูที่ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือพูดถึงนั้นน่าจะอ้างถึงเกาหลีใต้และสหรัฐฯ แม้ว่าในรายงานไม่ได้กล่าวถึงโดยตรง แต่ภาพหนึ่งที่ถูกเผยแพร่ออกมาเป็นรูปคิม จองอึน ชี้แผนที่ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแผนที่เกาหลีใต้อยู่
นอกจากนี้ผู้นำคิมยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการทหารที่ทำให้สถานการณ์ใน คาบสมุทรเกาหลีเลวร้ายลง คาดว่าน่าจะอ้างถึงการซ้อมรบร่วมทางทหารครั้งใหญ่ของ เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21-24 สิงหาคมนี้คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาคิม จองอึน เพิ่งสั่งให้เพิ่มกำลังการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ทั้งเครื่องยิงขีปนาวุธ ปืนใหญ่ รวมถึงอาวุธอื่นๆ พร้อมทั้งสั่งให้มีการซ้อมรบอย่างจริงจังเพื่อให้สามารถใช้งานอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้พัฒนาอาวุธประสิทธิภาพสูงนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งขีปนาวุธข้าม ทวีปหรือ ICBM ที่ชื่อฮวาซอง-18 ที่หลายฝ่ายเชื้อว่าขีปนาวุธดังกล่าวมีศักยภาพในการ บินได้ไกลถึงแผ่นดินสหรัฐฯ ไปจนถึงโดรนโจมตีใต้น้ำที่สามารถใช้ลอบโจมตีเรือเดิน สมุทรของศัตรูได้
ภัยคุกคามเหล่านี้ของเกาหลีเหนือที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ รวมถึงญี่ปุ่นได้จับมือกันเพื่อต่อต้านภัยคุกคามดังกล่าวในคาบสมุทร ล่าสุดมีรายงานว่าทั้งสามประเทศจะจัดการประชุมไตรภาคีร่วมกัน
แหล่งข่าวทางการทูตเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีฟูมิ โอะ คิชิดะของญี่ปุ่น และประธานาธิบดียุน ซอกยอลของเกาหลีใต้จะจัดการประชุมแบบไตรภาคีที่แคมป์เดวิดในรัฐแมรีแลนด์ ห่างจากกรุงวอชิงตัน เมืองหลวงของประเทศราว 100 กิโลเมตร การประชุมดังกล่าวคาดว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 18 สิงหาคมนี้
ส่วนประเด็นหลักๆ ที่ผู้นำทั้งสามชาติจะหารือน่าจะเป็นเรื่องคุกคามจากเกาหลีเหนือ การผลักดันให้มีการซ้อมรบร่วมของทั้งสามชาติในคาบสมุทรเกาหลี รวมถึงการแบ่งปัน ด้านข่าวกรองและทำงานร่วมกันในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
ทั้งนี้แคมป์เดวิดเป็นที่พักตากอากาศของผู้นำสหรัฐฯ และมักใช้เป็นที่หารือประเด็น นโยบายต่างประเทศ และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีไบเดนเชิญผู้นำจากชาติอื่นๆ มาสถานที่แห่งนี้นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในปี 2021