จากกรณีเพื่อนบ้านบุกรุกบ้านอากู๋ เหมทัศน์ ย่านรามอินทรา และอ้างครอบครองปรปักษ์ จนเกิดประเด็นขึ้นหลายครั้ง และส่งผลให้ น.ส.ภานุมาศ 1 ใน 5 ผู้ต้องหาคดีบุกรุกยึดบ้านอากู๋ ได้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองก่อนที่จะมีคำสั่งฟ้องในคดีอาญาฐานบุกรุกในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
ล่าสุดผู้เกี่ยวข้องทั้ง 2 ฝ่ายได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโหนกระแส ถึงกรณีที่เกิดขึ้น โดยคนที่ถูกตั้งคำถามมากที่สุดคือ ทนายวัฒนา ทนายของคู่กรณีอากู๋ ในคดีฟ้องครอบครองปรปักษ์
“อากู๋” แนะคู่กรณีครอบครองปรปักษ์ เปลี่ยนทนายแล้วมาคุยกัน
คำต่อคำคลิปเสียงคู่กรณีอากู๋ กราบเท้าทนายขอเลิกฟ้องครอบครองปรปักษ์
ย้อนมหากาพย์คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง! เพื่อนบ้านยึดบ้านอากู๋ อ้างครอบครองปรปักษ์
โดยทนายวัฒนา ทนายของคู่กรณีอากู๋ กล่าวถึงกรณีบอกว่ามีการใช้สื่อกดดันในคดีจนสุดท้ายทำให้เกิดคนตายขึ้นนั้นว่า ในความเห็นตนการจะดำเนินคดีกับใคร เราทำให้เป็นปกติทั่วไปเหมือนทนายอื่นทำ ซึ่งตนไม่ทราบว่า ที่หลานชายอากู๋บอกว่าไปปรึกษาทนายเดชานั้น ก็ไม่รู้ว่าปรึกษากันยังไง แต่อยู่ๆ สื่อก็มาเลย แล้วดำเนินคดีฐานบุกรุก ลักทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งคิดว่าหากไม่ได้เริ่มต้นกันด้วยความรุนแรงคดีนี้ก็น่าจะตกลงกันด้วยดี น่าจะเสร็จสรรพ์ไปแล้ว คงไม่ถึงมือตน
ซึ่งในคดีฟ้องร้องฐานบุกรุกตนไม่ได้เป็นคนดู เป็นทนายอีกคนหนึ่ง แต่ตนดูคดีฟ้องครอบครองปรปักษ์ซึ่งคุณนุมาขอช่วยทำให้คุณสีพรรณ เพราะทนายคุณนุเขาทำไม่ได้ แต่คุณสีพรรณเขาอยากทำมานานแล้ว ก่อนที่จะมีเหตุพิพาท หรือถูกกล่าวหาในคดีอาญา ซึ่งเขาก็เคยเอาเอกสารมาปรึกษาตนด้วยซ้ำ แต่เขาไม่มีความพร้อม และเขาจะทำอะไรเมื่อไหร่ก็เรื่องของเขา ตนก็ไม่ได้ไปบอกว่าฟ้องได้แล้ว แต่เดินผ่านไปผ่านมาก็ถามว่าครอบครอบครบ 10 ปีแล้วหรือ ซึ่งก็อยู่ที่ความพร้อมเขา เขาก็อยากที่จะครอบครองปรปักษ์อยู่ แต่เขาถูกดำเนินคดีอาญาก่อน แต่สิทธิครอบครองปรปักษ์เขามีผลตามกฎหมายแล้ว
ทนายบอกอีกว่า อย่างไรก็ตามคดีครอบครองปรปักษ์ส่วนใหญ่ก็ไม่ทุจริตอยู่แล้วเพราะเป็นการครอบครองทรัพย์สินคนอื่น แต่ก็มีทนายทำคดีแบบนี้ทั่วประเทศ ถ้าจะโต้แย้งหรือผิดพลาดอย่างไร แต่เมื่อคดีอยู่ที่ศาลแล้วต้องไปสู้กันที่ศาล ไม่ใช่มาสืบพยานนอกศาลแบบนี้ ออกสื่อออนไลน์ส่วนตัว ตอบโต้กันไปกันมา ต่อไปก็เป็นสื่อกระแสหลักมาร่วมกันด้วย เหตุการณ์ก็ใหญ่โตไปใหญ่ ซึ่งความเห็นส่วนตัวของตนไม่ควรเริ่มด้วยสื่อก่อน มันก็จะตกลงกันได้ด้วยดี หากตกลงกันไม่ได้ก็ไกล่เกลี่ยกันไปในคดีอาญา ส่วนคดีแพ่งครอบครองปรปักษ์จะถอนหรือไกล่เกลี่ยเมื่อไหร่ก็ได้ไม่ได้หนักหนาอะไร
ผู้ดำเนินรายการถามว่า การฟ้องครอบครองปรปักษ์เป็นการฟ้องบีบเพื่อให้อีกฝ่ายถอนคดีฟ้องบุกรุกหรือไม่ ทนายวัฒนา กล่าวว่า แม้บางคนบอกว่าเป็นการฟ้องแก้เกี้ยว แต่มันไม่ใช่ เพราะสิทธิของเขามีอยู่แล้วก่อนที่จะมีการฟ้องคดีอาญาอีก เขาจะร้องขอต่อศาลครอบครองปรปักษ์ต่อศาลอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่สาเหตุว่าถูกดำเนินคดีอาญาแล้วมาฟ้องมันไม่ใช่ แต่ก็มีผลกระทบกับการเจรจาเหมือนกัน
ผู้ดำเนินรายการถามว่า การที่เราไปบอกให้เขาฟ้องครอบครองปรปักษ์ทำให้เกิดคดีเพิ่มขึ้นหรือไม่ ทนายวัฒนา กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ ถ้าเราทบทวนดูเพาะคดีครอบครองปรปักษ์เป็นสิทธิที่เขามีอยู่เดิมอยู่แล้ว ไม่ใช่คดีไม่มีมูลเดลยแล้วจะไปยุให้ฟ้องร้องกันมันก็ไม่ใช่
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ทางฝั่งผู้เสียหายไม่สบายใจกรณีที่ทนายบอกว่าใช้สื่อกดดัน ทนายวัฒนา กล่าวว่า ถ้าเป็นตน ตนก็ไม่แฮปปี้ถ้าอยู่ฝ่ายตรงข้าม แต่เขาก็มีสิทธิของเขา และตนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคุณอายคุณซันเป็นการส่วนตัว แต่เมื่อสิทธิตามกฎหมายมีอยู่ เราก็ต้องใช้สิทธิตามกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของลูกความอย่างเต็มที่ ซึ่งตนก็ไม่อยากกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามเกินสมควร ถ้าไม่มาเล่นแรงกับตนก่อนตนก็จะไม่ตอบโต้ให้เสียเวลา เราต่างคนต่างทำหน้าที่ ซึ่งตนก็ต้องดูแลลูกความของเราให้ดีที่สุด
ผู้ดำเนินรายการถามถึงคลิปเสียงที่หลุดออกมาว่าคุณนุได้โทรหาอากู๋ แล้วกราบเท้าทนายขอให้ถอยคดีครอบครองปรปักษ์ ทนายวัฒนา กล่าวว่า ความต้องการฟ้องครอบครองปรปักษ์เป็นความต้องการของคุณศรีพรรณ แล้วคุณนุหาทนายมาช่วยคุณศรีพรรณอีกทีหนึ่ง ส่วนคลิปเสียงที่บอกว่ามีการกราบเท้านั้น วันนี้ก็มีการไห้ว ซึ่งก็อยู่ต่อหน้าสามี ต่อหน้าคุณศรีพรรณ และคนที่บุกรุกด้วยบางส่วน แต่เมื่อเขาไหว้ตนก็บอกไม่ต้องมาไหว้ ซึ่งเมื่อเขาไหว้ตนก็ประหม่านิดหน่อย ตกใจ ซึ่งคุณนุก็ขอทา เขาไม่ได้โทษใคร เขาโทษตัวเองว่าทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ทั้งทำให้ตนถูกวิพากษ์วิจารณ์ทำให้คุณศรีพรรณและคนอื่นโดนคดีบุกรุกไปด้วย เขาก็ไหว้ขอโทษ
ทนายวัฒนา ยังกล่าวภายหลังได้ฟังคลิปเสียงดังกล่าวว่า ตนไม่ได้บอกไม่ถอน ไม่ได้ปฏิเสธแก แต่บอกว่าถ้าถอนก็ถอนในเวลาที่มีความเหมาะสม เพราะคดีอยู่ที่ศาล เพราะการถอนเป็นดุลยพินิจของศาล หากถอนโดยไม่สุจริตศาลอาจใช้ดุลยพินิจไม่ให้ถอนก็ได้
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ตกลงคุณนุกราบขเท้าทนายจริงหรือไม่ ทนายวัฒนา บอกว่า ตนก็จำไม่ได้ แต่เขานั่งอยู่ตรงนั้น แต่เขาก็ยกมือไหว้ขอโทษทุกคน ขอโทษที่สร้างปัญหา ซึ่งเราก็ไม่อยากพูดอะไรกับคุณนุมาก เพราะเขาเป้นผู้ป่วย เป็นคนจิตตก และตอนนั้นแกว่าแกรับไม่ไหวแล้ว ที่ถูกคอมเม้นต์ต่างๆว่าอยากได้ของคนอื่น ซึ่งแกก็บอกว่าแกรับไม่ไหวแล้วเพราะแกเป็นคนดี เป็นผู้ปฏิบัติธรรม
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ทำไมทนายความไม่แนะนำลูกความว่ามันไม่ใช่ทรัพย์สินของเราคืนเขาไปเถอะ ทนายวัฒนา บอกว่า ก็ไม่สุจริตอยู่แล้ว กฎหมายเขาคุ้มครองคนไม่สุจริตอยู่แล้ว ถ้าสุจริตก็ไม่เป็นชื่อคนอื่นครอบครองปรปักษ์ แต่เป็นการได้กรรมสิทธิมาตามกฎหมาย ทั้งนี้ตนไม่ได้แนะนำให้ฟ้อง แต่ทุกคนก็พูดอย่างนี้ ทุกคนก็เข้าใจเพราะตกเป็นผู้กล่าวหาในคดีอาญา
ผู้ดำเนินรายการถามว่า รู้สึกอย่างไรบ้างที่ตอนนี้สังคมมองว่าทนายเป็นคนบอกให้เขาทำแบบนี้ จนเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นนั้น รู้สึกอย่างไร ทนายวัฒนา บอกว่า ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเขาอาจจะเข้าใจคราดเคลื่อน และตนก็ไม่ได้โทษคุณอายคุณซัน แต่ในเมื่อคุณอายคุณซันเริ่มต้นอย่างนี้ เริ่มต้นด้วยคดี เริ่มเล่นงานหนักอย่างนี้ คดีอื่นเขาเริ่มต้นดีกันเยอะ มาพูดคุยตกลงกันโดยสันติก็เยอะ
ผู้ดำเนินรายการถามว่า สามีคุณนุ เคยส่งข้อความมาหาคู่กรณีว่าได้บอกให้ทนายถอนแล้ว แต่หลังจากนั้นทนายมีการทำคำร้องแก้ฟ้องแย้งนั้นเป็นการเจตนาไม่ตรงกันหรือไม่ ทนายวัฒนา บอกว่า เราต้องเดินตามกระบวนการ ยื่นคำแก้ฟ้องแย้งตามระยะเวลาที่ศาลกำหนด หากเราไม่ทำอะไรเลย ศาลจะสั่งเราให้ขาดนัดให้การแก้ฟ้องแย้ง ทำให้เราเสียเปรียบทางคดี แต่ถึงแม้จะยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง จะถอนเมื่อไหรก็ถอนได้ตลอด ถอนเมื่อไหร่ก้ว่ากันได้ หากคุณศรีพรรณส่งสัญญาณตนก็ถอนฟ้องได้ หากวันนี้ทางฝั่งคุณศรีพรรณเขาบอกว่าถอนตนก็ถอน ไม่ได้ว่าอะไร
ผู้ดำเนินรายการถามว่า ทนายจะถอนคำพูดหรือไม่ที่บอกว่าทางคุณซันกับคุณอายใช้สื่อกดดันทำให้คุณนุเสียชีวิต ทนายวัฒนา บอกว่า ตนไม่ได้ระบุชื่อว่าคุณอาย และรวมๆตนก็ไม่ได้พูดว่าคุณอายเป็นหลัก แต่บอกว่าเป็นฝั่งคู่กรณี แต่ไม่ได้โทษเด็ก 2 คนนี้ ผู้ดำเนินรายการถามว่า ทนายพร้อมถอนตัวหรือไม่ ทนายวัฒนา บอกว่า ถ้าคุณศรีพรรณบอกให้ถอน ตนก็จะไปถอน เพราะเขาเป็นลูกความของตนโดยตรง ซึ่งเรื่องถอนตัวไม่ถอนตัวนั้นตนก็ถอนได้ มันอยู่ที่ความเข้าใจของตนกับลูกความ หากเราไม่เข้าใจกันก็ถอนตัวได้ ไม่ใช่เกิดจากการยุแหย่ของฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางคดีแบบนี้มันไม่ได้
ส่วนการที่ยังไม่ได้ไปถอนคำร้องคดีครอบครองปรปักษ์ หลังจากที่คุณนุมาพูดคุยกับฝั่งคู่กรณีนั้น ทนายวัฒนา บอกว่า ก็ต้องไปคุยกับคนที่ไปเจรจา ซึ่งตนไม่ได้ไปคุยด้วย เพราะคุณนุเขาก็ไปตามอารมณ์ของเขา ไม่มีใครห้าม ขนาดพี่น้องบอกว่าจะสู้ เขาก็บอกจะถอน ตนก็เลยบอกให้ปล่อยคุณนุไป ให้เขามีความรู้สึกดีขึ้น เขาอยากไปเจอคู่กรณีฝั่งไหนก็ไปเลยให้เขาสบายใจ ก็เป็นการเจรจากันนอกรอบ ไกล่เกลี่ยกันนอกรอบทำได้ตลอดอยู่แล้ว
ด้านทนายกุ้ง ทนายฝั่งอากู๋ บอกว่า เท่าที่ทราบมาในคดีอาญที่ตกลงค่าเสียหายไม่ได้ เพราะเขาอ้างว่าเรียกค่าเสียหายสูงเกินไป เขาจึงไปฟ้องครอบครองปรปักษ์ เพื่อจะมาต่อรองลดค่าเสียหายในคดีนั้น เป็นการฟ้องเพื่อต่อรองลดค่าเสียหาย เพราะเขาไม่อยากจ่ายเยอะ
ด้านคุณอาย ระบุว่า คลิปเสียงที่คุณนุโทรมานั้น พวกตนรับทราบด้วยใจจริงว่าคุณนุอยขากถอนปรปักษ์ด้วยใจจริง ซึ่งทนายวัฒนา ก็บอกว่า ตนก็รับฟังคุณนุอยู่ แต่คนที่ครอบครองปรปักษ์โดยตรงคือคุณศรีพรรณ แต่เขาไปเจรจากันเองตนไม่เกี่ยวข้อง หากลูกความของตนบอกว่าตนต้องเดินอย่างไร หากบอกให้ตนถอนก็จะถอน
เดชา เผย ทนายคู่กรณีไม่ยอมถอนคำร้องครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้ตายกราบเท้าก็ไม่ยอมถอนให้
เกิดอะไรขึ้น กับ บิตคอยน์ ราคาร้อนแรงตลอดวัน ทะยาน 2 ล้านบาท!
นศ.-ศิษย์เก่า "อุเทนถวาย" รวมตัวแสดงพลัง 5 จุด ค้านย้ายสถาบัน!